วันอาทิตย์ที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2554

การจัดสรรอัตรากำลัง ครั้งที่ 3

          สพป.ชบ.3 ได้รับจัดสรรอัตรากำลังเพิ่มเติมโดยได้รับจากการตัดอัตรากำลังของข้าราชการที่เข้าโครงการเกษียณก่อนกำหนดปีงบประมาณ 2554 โดยการตัดอัตราจากสำนักงานเขตพื้นที่ที่มีอัตรากำลังเกินเกณฑ์ จำนวนทั้งสิ้น 38 อัตรา รวมๆแล้ว สพป.ชบ.3 ได้รับการจัดสรรอัตรากำลังทั้ง 3 ครั้ง คิดเป็น 118 อัตรา โดยเป็นตำแหน่งศึกษานิเทศก์ 1 อัตรา ผู้บริหารสถานศึกษา 2 อัตรา ที่เหลือก็เป็นครูสายผู้สอน คณะกรรมการกลั่นกรองจัดสรรอัตรากำลังได้ดำเนินการจัดสรรให้กับสถานศึกษาตามเงื่อนไขของสพฐ. ครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2554 จำนวน 38 อัตรา ส่งผลให้ ร้อยละขาดเกณฑ์ ของของสถานศึกษาสังกัด สพป.ชบ.3 ลดลงอย่างมากอย่างเห็นได้ชัดเจน ในส่วนรายละเอียด 38 อัตราหลัง ยังอยู่ในระหว่างนำเสนอให้ อ.ก.ค.ศ.เห็นชอบ แล้วจะประกาศรายละเอียดให้สถานศึกษาทราบทั้งหมด ข้อมูลนี้ จะเป็นข้อมูลที่จะเปิดเผยให้สถานศึกษาและเพื่อนครูทราบ เพื่อความโปร่งใส โดยสถานศึกษาและครูผู้สอนที่ยื่นคำร้องขอย้ายจะได้ใช้ข้อมูลนี้ในการขอแก้ไขโรงเรียนที่เขียนย้ายไปให้ตรงกับโรงเรียนที่มีอัตราว่าง ในส่วนสถานศึกษาก็จะได้สำรวจและทบทวนว่า ในปีการศึกษา 2554 โรงเรียนยังขาดแคลนครูในวิชาเอกอะไรบ้าง เพื่อที่จะได้นำเสนอความต้องการต่อสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเพื่อครูที่ได้รับย้ายหรือบรรจุจากผลการสอบในเวลาอันใกล้นี้ จะได้ตรงกับความต้องการของโรงเรียน เดิมที โรงเรียนที่เปิดสอนระดับประถมศึกษา มักจะได้รับจัดสรรครูที่ไม่ค่อยตรงตามความต้องการ
          ผมเคยได้พูดคุยกับผู้บริหารสถานศึกษาที่เปิดสอนระดับประถมศึกษาหลายๆท่าน หลายท่านสะท้อนความคิดเห็นให้ทราบว่า การที่ได้รับจัดสรรครูตรงกับความต้องการของสถานศึกษา ส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของโรงเรียนนั้นๆ และผมเห็นด้วยอย่างเต็มที่ครับ ว่าการย้ายครู หลักที่สำคัญหลักหนึ่งก็คือ สามารถยกระดับคุณภาพให้กับสถานศึกษาได้ หลักเกณฑ์การย้ายครูผู้สอนใหม่ของ สพป.ชบ.3 จึงให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ ต่อไปนี้ ครูที่จะย้ายไปโรงเรียนใด ก็น่าจะตรงกับความต้องการของโรงเรียนนั้นด้วย เพื่อจะส่งผลกระทบในการแก้ปัญหาให้กับโรงเรียนที่รับย้ายหรือรับบรรจุ  หลักเกณฑ์การย้ายจึงระบุไว้ชัดเจนว่า ผู้ที่จะย้ายไปโรงเรียนปลายทางต้องมีวิชาเอกหรือประสบการณ์สอนในวิชาที่โรงเรียนนั้นๆต้องการ
          สิ่งหนึ่งที่ผมเชื่อว่าจะช่วยให้สถานศึกษาพัฒนาคุณภาพได้เป็นอย่างดี นั่นคือ การบริหารงานบุคคลที่ตอบสนองกับการพัฒนาคุณภาพของสถานศึกษา การบรรจุ การย้าย ครู ส่งผลเป็นอย่างมากครับกับการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษา ครูที่จะย้ายไปโรงเรียนใด จะต้องตรงกับความต้องการของโรงเรียนนั้น ทำกันเป็นรูปเป็นร่างกันถึงขนาดนี้แล้ว คงไม่อยากได้ยินว่า โรงเรียนแสดงความต้องการครูเพียงเพื่อจะช่วยให้ใครได้มีโอกาสย้ายนะครับ เพราะถ้าเป็นอย่างนั้น เราก็หนีระบบแบบเดิมๆ ไม่พ้น กรรมก็จะตกกับนักเรียนและผู้ปกครอง...

วันพฤหัสบดีที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2554

มติอ.ก.ค.ศ.ที่น่าสนใจ

           ผู้บริหารสถานศึกษาหลายท่านเคยปรารถอยู่เสมอว่า โรงเรียนวางแผนบุคลากรได้ยากมาก เนื่องจากไม่มีข้อมูลเพื่อที่จะนำไปใช้ในการวางแผน ไม่รู้ว่า จะได้รับจัดสรรครูหรือไม่ ไม่สามารถรู้ได้ว่า ครูที่ได้รับจัดสรรจะมาปฏิบัติหน้าที่ได้เมื่อไหร่ หลายๆโรงเรียนต้องหาเงินมาเพื่อจ้างครูเพื่อให้เพียงพอกับภาระงานที่มีในโรงเรียน หลังจากนั้นไม่นานก็ได้รับจัดสรรครู ปัญหาแบบนี้ เชื่อว่าเป็นปัญหาที่อยู่คู่กับโรงเรียนมานาน ผมเชื่อว่า ปัจจุบัน ปัญหานี้กำลังได้รับการแก้ไข ความเชื่อของผมนะครับ ผมเชื่อว่า ปัญหานี้เกิดจากการไม่ทราบถึงกระบวนการจัดสรรบุคลากร และการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารในเรื่องนี้ จึงเป็นที่มาของความพยายามที่จะให้เกิดความเท่าเทียมกันในด้านข้อมูลข่าวสารด้านการบริหารงานบุคลากร เพื่อนำไปสู่การวางแผนพัฒนาคุณภาพสถานศึกษา
          เมื่อวันที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๕๔ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษาชลบุรี เขต ๓ ได้ประชุมครั้งที่ ๓/๒๕๕๔ มีมติที่น่าสนใจและควรนำมาเผยแพร่ให้เพื่อนครูและผู้บริหารสถานศึกษา ได้ทราบการ ทั้งนี้เพื่อต้องการให้มีการเตรียมความพร้อมในการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษา ดังนี้
          ๑. การจัดสรรอัตรากำลังจากการเข้าร่วมมาตรการปรับปรุงอัตรากำลังของส่วนราชการ (โครงการเกษียณก่อนกำหนด) ปีงบประมาณ ๒๕๕๔ สพป.ชบ.๓ ได้รับจัดสรรจำนวนทั้งสิ้น ๔๐ อัตรา เป็นศึกษานิเทศก์ ๑ อัตรา และครูผู้สอน ๓๙ อัตรา มีโรงเรียนได้รับจัดสรรทั้งสิ้น ๓๒ โรงเรียน อัตรากำลังที่ได้รับจัดสรรจะสามารถรับย้ายและบรรจุได้ตั้งแต่วันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๕๔ เป้นต้นไป โรงเรียนที่ได้รับจัดสรร มีดังต่อไปนี้
          บ้านทุ่งกลม (๒)  วัดบุญสัมพันธ์ (๓) วัดสุทธาวาส (๒) บ้านห้วยกุ่ม (๑) บ้านหนองปรีือ (๑) ห้วยใหญ่ (๑)  เกล็ดแก้ว (๑) บ้านเขาตะแบก (๑) บ้านขลอด (๑) บ้านบ่อวิน (๒) บ้านเนินพลับหวาน (๓)  วัดรังษีสุทธาวาส (๑) บ้านชากยายจีน (๑)  ชุมชนช่องเสมสาร (๑) บ้านสัตหีบ (๑) บ้านทุ่งกราด (๑) บ้านทุ่งคา (๑) วัดหนองเกตุใหญ่ (๑) บ้านโป่งสะเก็ด (๑) อนุบาลบ้านบางพระ (๑) วัดแหลมฉบัง (๑)  บ้านหนองปรือ (๑) วัดอัมพวัน (๑) บ้านตะเคียนเตี้ย (๑) บ้านหุบบอน (๑) วัดพิบูลสัณหธรรม (๑)  วัดพระประทานพร (๑) บ้านโรงหีบ (๑) วัดนาจอมเทียน (๑) บ้านเขาหิน (๑) บ้าน กม. ห้า (๑) บ้านสันติคาม (๑)

          ๒. จัดสรรอัตราข้าราชการครูและและบุคลากรทางการศึกษาในสถานศึกษาจากผลการเกษียณอายุ เมื่อสิ้นปีงบประมาณ ๒๕๕๒ สพป.ชบ.๓ ได้รับจัดสรรทั้งสิ้น ๔๐ อัตรา โดยใช้ในการแต่งตั้งผู้บริหารสถานศึกษาไปแล้ว ๒ อัตรา โรงเรียนที่ได้รับจัดสรร ๒๗ โรงเรียน ดังนี้
          วัดมโนรม (๔)  ชุมชนบ้านบางเสร่ (๒)  ชุมชนวัดเขาไม้แก้ว (๒)  วัดสุทธาวาส (๒)  บ้านห้วยกุ่ม (๑)  บ้านสัตหีบ (๒)  บ้านเนินพลับหวาน (๓)  วัดรังษีสุทธาวาส (๒)  วัดโป่ง (๑)  วัดสุกรีย์บุญญาราม (๑) วัดบ้านนา (๑)  อนุบาลบ้านบางพระ (๒)   อนุบาลบ้านเตาถ่าน (๑)  บ้านขลอด (๑)  วัดใหม่เนินพยอม (๑)  บ้านโป่งสะเก็ด (๑)  ชุมชนบ้านหนองปรือ (๑)  บ้านทุ่งคา (๑)  วัดหนองเกตุใหญ่ (๑)  วัดบุญสัมพันธ์ (๑)  บ้านบ่อวิน (๑)  บ้านทุ่งกราด (๑)  วัดหนองขาม (๑)  บริษัทไทยกสิกรสงเคราะห์ (๑)  บ้านชากยายจีน (๑)  ชุมชนบ้านช่องเสมสาร (๑)  วัดหนองจับเต่า (๑) 
          ในจำนวน ๓๘ อัตรานี้ เป็นอัตราที่มีตำแหน่งที่ สพป.ชบ.๓ แล้ว ๑๗  อัตรา (ตำแหน่งที่เกษียณเมื่อปีงบ ๒๕๕๒)  ส่วนอีก ๒๓ อัตราเป็นอัตราที่เกลี่ยมาจากเขตอื่น จะมีความแตกต่างกันที่อัตราที่มีตำแหน่งที่ สพป.ชบ.๓  สามารถรับย้ายหรือเรียกบรรจุจากบัญชีได้เลย ส่วนอัตรากำลังที่เกลี่ยจากเขตพื้นที่การศึกษาอื่น ยังต้องรอให้มีคำสั่งจาก ก.ค.ศ. จึงจะรับย้ายหรือเรียกบรรจุได้ ผลก็คือจะมีความล่าช้า ๑๗ อัตราที่มีตำแหน่งอยู่ที่ สพป.ชบ.๓ ได้ใช้แต่งตั้งผู้บริหารสถานศึกษาไปแล้ว ๒ อัตรา จึงเหลือ ๑๕ อัตรา และได้จัดสรรให้กับโรงเรียน ดังต่อไปนี้
          วัดมโนรม (๒)  ชุมชนบ้านบางเสร่ (๑)  ชุมชนวัดเขาไม้แก้ว (๑)  วัดสุทธาวาส (๑)   บ้านสัตหีบ (๑)  บ้านเนินพลับหวาน (๑)  วัดโป่ง (๑)  วัดสุกรีย์บุญญาราม (๑) วัดบ้านนา (๑)   อนุบาลบ้านเตาถ่าน (๑)   วัดใหม่เนินพยอม (๑)    วัดหนองขาม (๑)  บริษัทไทยกสิกรสงเคราะห์ (๑)  วัดหนองจับเต่า (๑) 

         สพฐ.ยังได้จัดสรรอัตรากำลังครูที่เข้าโครงการเกษียณก่อนกำหนดโดยเกลี่ยจาก สำนักงานเขตพื้นที่ที่มีครูเกินเกณฑ์/พอดีเกณฑ์ ให้กับ สพป.ชบ.๓ อีก ๓๘ อัตรา ซึ่งขณะนี้ สพป.ชบ.๓ ยังไม่ได้จัดสรรอัตรากำลังส่วนนี้ลงไปยังสถานศึกษาเนื่องจากเพิ่งได้รับแจ้งจัดสรรหลังจากที่จัดสรรอัตรากำลังลงไปยังโรงเรียนแล้ว คาดว่าคงจะดำเนินการหลังจากนี้อีกไม่นาน

          เพื่อนครูและและผู้บริหารที่เคารพรักทุกท่านครับ ขณะนี้ร้อยละขาดเกณฑ์ของทุกสถานศึกษาสังกัด สพป.ชบ.๓ ได้ลดลงอย่างเห็นได้ชัด ขณะนี้ ร้อยละขาดเกณฑ์ของสถานศึกษาใน สพป.ชบ.๓ สูงสุดอยู่ที่ร้อยละ ๒๐ เศษๆ ความรุนแรงของปัญหาการขาดแคลนครูลดลงอย่างเห็นได้ชัด สิ่งที่น่าจะเกิดขึ้นในอนาคตก็คือคุณภาพของสถานศึกษา และผมเชื่อว่า วันนี้ เราสามารถวางแผนเรื่องบุคลากรในสถานศึกษาได้ในระดับหนึ่งถึงจะไม่ได้ทั้งหมดแต่ก็น่าจะดีขึ้นกว่าเดิมนะครับ

วันอังคารที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2554

การจัดสรรอัตรากำลัง สพป.ชบ.3

          สพฐ. ได้จัดสรรอัตรากำลัง ให้กับ สพป.และ สพม. เป็นที่เรียบร้อยแล้ว การจัดสรรอัตรากำลัง แบ่งออกเป็น 2 ส่วนดังนี้
          1. จัดสรรอัตราเงินเดือนข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาที่ได้รับจัดสรรคืนจากการเข้าร่วมมาตรการปรับปรุงอัตรากำลังของส่วนราชการเข้าร่วมมาตรการปรับปรุงอัตรากำลังของส่วนราชการ (โครงการเกษียณก่อนกำหนด) ปีงบประมาณ 2554 โดย สพป.ชบ.3 ได้รับจัดสรร จำนวน 40 อัตรา แบ่งเป็น
          - ข้าราชการครูผู้สอน                  จำนวน  39 อัตรา
          - ศึกษานิเทศก์                            จำนวน    1 อัตรา
          การจัดสรรอัตรากำลังตามข้อนี้  สพป.ชบ.3 จะต้องกันอัตราร้อยละ 25 ไว้ดำเนินการตามหนังสือก.ค.ศ. ที่ ศธ 0206.6/ว3 ลงวันที่ 27 เมษายน 2553 ใจความหนังสือฉบับนี้สรุปให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ ต้องกันไว้ให้เพื่อคัดเลือกเป็นกรณีพิเศษจาก กลุ่ม พนักงานราชการ ครูอัตราจ้าง ที่ใช้งบประมาณ หรือเงินรายได้สถานศึกษา ที่ติดต่อกันหรือไม่ติดต่อกัน เป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 3 ปี คิดแล้วก็เป็นจำนวน 10 อัตรา
ส่วนที่เหลือ 29 อัตรา ตามมติ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชลบุรี เขต 3 ให้รับย้ายครึ่งหนี่งและเปิดสอบบรรจุครึ่งหนี่ง ก็ประมาณ 14/15 อัตรา
          ทั้ง 40 อัตราตามนี้ จะดำเนินการให้ได้มาซึ่งข้าราชการครู ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2554 เป็นต้นไป
          2. จัดสรรอัตราข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาในสถานศึกษาจากผลการเกษียณอายุ เมื่อสิ้นปีงบประมาณ 2552  สพป.ชบ.3 ได้รับจัดสรรอัตราข้าราชการครูรวม 40 อัตรา จำแนกได้ ดังนี้
              2.1 ใช้รับย้ายผู้บริหารสถานศึกษา (ใช้ไปแล้ว)                                     จำนวน    2 อัตรา
              2.3 อัตราครูผู้สอน                                                                                จำนวน  15 อัตรา
              2.3 อัตราที่เกลี่ยจาก สพท. อื่น                                                             จำนวน  23 อัตรา
                                                        รวมทั้งสิ้น                                                    จำนวน  40 อัตรา

          ในจำนวนนี้  ข้อ 2.1 ได้ใช้ไปแล้ว 2 อัตรา และ สพฐ.ได้กำหนดให้กับโรงเรียนดีประจำตำบล ได้แก่โรงเรียนวัดมโนรมอีก 4 อัตรา  ทำให้อัตรากำลังที่จะจัดสรรลงไปโรงเรียนต่างๆ 34 อัตรา

          จากอัตราที่ สพฐ.จัดสรรให้ตามข้อ 2 จำนวน 40 อัตรา ก็ต้องดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 1 คือ ต้องกันอัตราไว้ร้อยละ 25 เพื่อตามหนังสือก.ค.ศ. ที่ ศธ 0206.6/ว3 ลงวันที่ 27 เมษายน 2553 เพื่อคัดเลือกเป็นกรณีพิเศษจาก กลุ่ม พนักงานราชการ ครูอัตราจ้าง ที่ใช้งบประมาณ หรือเงินรายได้สถานศึกษา ที่ติดต่อกันหรือไม่ติดต่อกัน เป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 3 ปี คิดแล้วก็เป็นจำนวน 10 อัตรา
ส่วนที่เหลือ 24 อัตราก็จะถูกแบ่งออกเป็น 12/12 ในการรับย้ายและเปิดสอบบรรจุ

          จากข้อมูลข้างต้นนำมาแสดงเป็นตารางพอสังเขปได้ ดังนี้


          เพื่อนครูและเพื่อนผู้บริหารที่รักทุกท่านครับ ขณะนี้ สพป.ชบ.3 กำลังดำเนินการจัดสรรอัตรากำลังอยู่ครับ โดยจะจัดสรรให้ตามหลักเกณฑ์ที่ สพฐ.กำหนดมา วันนี้ ได้มีการประชุมคณะกรรมการกลั่นกรองจัดสรรอัตรากำลัง แต่ต้องให้ อ.ก.ค.ศ. มีมติเห็นชอบจึงจะประกาศให้ทราบกัน หลังจากนั้นกระบวนการย้ายครูผู้สอน การสอบบรรจุครู และการคัดเลือกเป็นกรณีพิเศษ ของสพป.ชบ.3 ก็จะได้เริ่มขึ้น
          เราจะได้ประโยชน์อะไรจากข้อมูลนี้ คำตอบก็คือ อยู่ที่ว่าเป็นใคร ถ้าเป็นผู้บริหารสถานศึกษา หลังจากนี้ สพป.ชบ.3 จะแจ้งผลการจัดสรรอัตรากำลัง ท่านก็สามารถวางแผนอัตรากำลังของโรงเรียนท่านได้พร้อมทันรับเปิดภาคเรียน ถ้าเป็นครูผู้สอน หลังจากนี้ สพป.ชบ.3 ก็จะแจ้งโรงเรียนที่มีอัตราว่าง ท่านที่ยื่นคำร้องขอย้ายก็สามารถขอปรับโรงเรียนที่เขียนไปลงได้ตรงตามโรงเรียนที่มีอัตราว่าง ท่านที่เป็นพนักงานราชการ ครูอัตราจ้างที่โรงเรียนใช้เงินรายได้สถานศึกษาจ้างไม่น้อยกว่า 3 ปี ก็เตรียมตัววางแผนในการสอบ รู้แล้วว่าอย่างน้อยก็ 20 อัตราที่จะใช้บรรจุ ฯลฯ
          ข้อมูลข่าวสารที่รับรู้ได้ในระยะเวลาเท่ากัน จะเป็นข้อมูลข่าวสารที่ก่อให้เกิดโอกาสและความเป็นธรรมกับทุกคน และนี่คืออีกเจตนาสรมณ์หนึ่งของ อ.ก.ค.ศ.ในชุดนี้และเป็นความตั้งใจของ สพป.ชบ.3ที่จะให้เกิดขึ้นกับพวกเราทุกคน ผมเข้าใจว่าอย่างนั้นจริงๆนะครับ





         

วันจันทร์ที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2554

เกี่ยวกับการสอบบรรจุครูผู้ช่วย

ผมไปอ่านเจอเข้าน่าสนใจเลยเก็บมาฝาก

คอลัมน์: สถานีก.ค.ศ.: ไขข้อข้องใจการสอบบรรจุเป็นครูผู้ช่วย

โดย ศิริพร กิจเกื้อกูล เลขาธิการ ก.ค.ศ.
ในช่วงนี้เป็นช่วงแห่งการเปิดรับสมัครสอบแข่งขันเพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครูผู้ช่วย ประจำปี พ.ศ.2554 จึงขอนำกรณีข้อหารือที่มีมายังสำนักงาน ก.ค.ศ.ที่จะเป็นประโยชน์กับผู้สนใจสมัครสอบแข่งขันฯ มานำเสนอดังนี้
คำถามข้อที่ 1 จากหลักเกณฑ์และวิธีการสอบแข่งขันเพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครูผู้ช่วย ตามหนังสือสำนักงาน ก.ค.ศ.ที่ศธ 0206.6/ว 2 ลงวันที่ 27 เมษายน 2553 ข้อ 7 ที่กำหนดว่า"ปริญญาบัตร ประกาศนียบัตร ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูตามที่บรรจุไว้ในประกาศรับสมัครสอบแข่งขัน ต้องได้รับการอนุมัติจากผู้มีอำนาจ ไม่หลังวันเปิดรับสมัครสอบแข่งขันวันสุดท้าย คำว่า"ไม่หลังวันเปิดรับสมัครวันสุดท้าย" หมายความว่าอย่างไร
ตอบ หมายถึง ต้องได้รับอนุมัติภายในวันที่ 10 เมษายน 2554 ซึ่งเป็นวันรับสมัครสอบแข่งขันวันสุดท้าย
คำถามข้อที่ 2 เคยได้ยินว่ามีการผ่อนผันให้ผู้สมัครสอบกรณีการยื่นใบอนุญาตประกอบวิชาชีพให้สามารถยื่นหนังสือรับรองแทนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูฉบับจริงได้ ใช่หรือไม่อนุญาตประกอบวิชาชีพครูฉบับจริงได้ ใช่หรือไม่
ตอบ ก.ค.ศ.ผ่อนผันให้ผู้สมัครสอบแข่งขันที่ยังไม่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู สามารถสมัครสอบแข่งขันฯ ตำแหน่งครูผู้ช่วยได้เฉพาะการสอบแข่งขันฯ ครั้งที่ 1 ปี พ.ศ.2553 เท่านั้น สำหรับการรับสมัครสอบแข่งขันฯ ในปี พ.ศ.2554 นี้ ผู้สมัครสอบแข่งขันฯ ไม่สามารถนำหนังสือรับรองสิทธิ ใบอนุญาตปฏิบัติการสอน หรือเอกสารอื่นใดที่มิใช่ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูฉบับจริงมายื่นสมัครสอบ
คำถามข้อที่ 3 ปัจจุบันรับราชการเป็นข้าราชการพลเรือน มีคุณวุฒิด้านการศึกษา มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู สามารถสมัครสอบแข่งขันฯ ในครั้งนี้ได้หรือไม่
ตอบ สามารถสมัครสอบแข่งขันได้ ถ้ามีคุณวุฒิและสาขาวิชาเอกตรงตามที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาต้องการ แต่จะต้องมีหนังสืออนุญาตจากผู้มีอำนาจสั่งบรรจุและแต่งตั้งให้สมัครสอบแข่งขัน และยินยอมให้ย้ายหรือโอนโดยไม่มีเงื่อนไข เมื่อสอบแข่งขันได้
คำถามข้อที่ 4 จะตรวจสอบคุณวุฒิที่ ก.ค.ศ.รับรอง สำหรับการบรรจุและแต่งตั้งเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาได้จากที่ใด
ตอบ ผู้สนใจสมัครสอบแข่งขันฯ สามารถตรวจสอบคุณวุฒิที่ ก.ค.ศ.รับรองสำหรับการบรรจุและแต่งตั้งเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาได้จากเว็บไซต์สำนักงาน ก.ค.ศ. ทาง www.moe.go.th/webtcs  หรือสอบถามทางโทรศัพท์หมายเลข 0-2280-2840 กรณีตรวจสอบแล้วพบว่า ก.ค.ศ.ยังไม่ได้รับรองคุณวุฒิ ให้แจ้งสถาบันการศึกษาเสนอให้ ก.ค.ศ.รับรองคุณวุฒิโดยด่วน เพื่อให้ทันการรับสมัครสอบวันสุดท้าย
หวังว่าผู้สนใจสมัครสอบแข่งขันเพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครูผู้ช่วย จะได้รับความกระจ่างในประเด็นต่างๆ ที่นำมาเสนอในวันนี้และหากมีข้อสงสัยประการใดเป็นการเพิ่มเติมสามารถโทรศัพท์สอบถามเข้ามาได้ที่หมายเลข 0-2280-2835

วันพุธที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2554

การเลื่อนขั้นเงินเดือนข้าราชการครู

        ใกล้ถึงเดือนเมษายนแล้ว เป็นวาระที่ใกล้การพิจารณาเลื่อนขั้นเงินเดือน ครั้งที่ 1 (1 เมษายน 2554) ผมสังเกตว่าพวกเรามักจะเรียกการพิจารณาเลื่อนขั้นเงินเดือนว่าเป็นการพิจารณาความดีความชอบ ซึ่งในความรู้สึกของผมแล้ว ผมว่าน่าจะเป็นการเข้าใจที่คลาดเคลื่อน แท้ที่จริงแล้วการเลื่อนขั้นเงินเดือนเป็นผลมาจากการประเมินผลการปฏิบัติงาน ของในรอบครึ่งปี เป็นข้อมูลในการนำไปพิจารณาเลื่อนขั้นเงินเดือน ไม่ใช่เป็นการพิจารณาความดีของลูกน้อง หรือความชอบของผู้บริหาร กระบวนการเลื่อนขั้นเงินเดือนถูกกำหนดไว้อย่างชัดเจนว่าใครมีหน้าที่อะไร เริ่มจากอะไร สิ้นสุดอย่างไร มีกฎหมาย ระเบียบ แนวปฏิบัติ ที่ผู้ที่เกี่ยวข้องควรจำทำความเข้าใจให้ถ่องแท้ เพื่อลดหรือป้องกันไม่ให้เกิดปัญหา เพราะเดี๋ยวนี้ ตั้งแต่มีศาลปกครอง คำสั่งหรือมติของหน่วยงานราชการ ที่กระทบกับสิทธิหรือหน้าที่ ของข้าราชการก็ดีหรือประชาชนทั่วไปก็ดี ย่อมได้รับการคุ้มครอง คำสั่งเลื่อนขั้นเงินเดือน เป็นคำสั่งที่กระทบสิทธิ จึงถือเป็นคำสั่งทางการปกครอง


          การเลื่อนขั้นเงินเดือน เริ่มจากการประเมินผลการปฏิบัติงาน จากนั้นจึงนำไปสู่การพิจารณาเลื่อนขั้นเงินเดือน เราลองมาดูกันนะครับว่า มีกฎหมายหรือระเบียบ แนวปฏิบัติใดบ้างที่เกี่ยวข้อง
             1.  มติคณะรัฐมนตรี   หนังสือที่   นร. 0205/ว 117   ลงวันที่  23   มิถุนายน  2540   เรื่อง  ระบบเปิดในการพิจารณาเลื่อนขั้นเงินเดือนข้าราชการ 
             2. หลักเกณฑ์และวิธีการพิจารณาเลื่อนขั้นเงินเดือนตามกฎ  ..  ว่าด้วยการเลื่อนขั้นเงินเดือน  พ.ศ.2544
             3. กฎ ก... ว่าด้วยการเลื่อนขั้นเงินเดือนข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2550
             4.  กฎ  ก.พ.  ว่าด้วยเลื่อนเงินเดือน  พ.ศ. 2552 
             5.  ระเบียบกระทรวงการคลัง  ว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินค่าตอบแทนพิเศษของข้าราชการและลูกจ้างประจำผู้ได้รับเงินเดือนหรือเงินค่าจ้างถึงขั้นสูง  หรือใกล้ถึงขั้นสูงของอันดับ  หรือตำแหน่ง  .. 2550  และที่แก้ไขเพิ่มเติม  
               6. รวมถึงองค์กรกลางบริหารงานบุคคลที่เกี่ยวข้องได้มีหลักเกณฑ์  หรือมีมติอนุมัติเป็น หลักการให้ผู้บังคับบัญชาผู้มีอำนาจสั่งเลื่อนขั้นเงินเดือนให้แก่ข้าราชการเป็นกรณีพิเศษเฉพาะรายได้ 




          มีเรื่องที่น่าสนใจอยู่เรื่องหนึ่งที่ผมนำมาเปิดเป็นประเด็นแลกเปลี่ยนกับพวกเราคือ
          1. การนำระบบเปิดมาใช้เลื่อนขั้นเงินเดือนตามมติคณะรัฐมนตรี  หนังสือที่ นร. 0205/ว117      ลงวันที่  23 มิถุนายน 2540  เรื่อง  ระบบเปิดในการพิจารณาเลื่อนขั้นเงินเดือนข้าราชการ ซึ่งมติในเรื่องดังกล่าว ให้ถือปฏิบัติมาไม่น้อยกว่า 13 ปีมาแล้ว เชื่อว่าหลายท่านคงยังไม่ทราบ และหลายท่านทราบแล้วและนึกไม่ออกว่าต้องทำอย่างไร หลายท่านทราบดีแต่ไม่เคยปฏิบัติ เรื่องนี้ เป็นมูลเหตุให้นำไปสู่การยกเลิกคำสั่งเลื่อนขั้นเงินเดือนได้ งั้นลองมาดูว่า มติคณะรัฐมนตรีในเรื่องดังกล่าวให้ทำอย่างไรในการพิจารณาเลื่อนขั้นเงินเดือนข้าราชการ


              1) ผู้ประเมินแจ้งผลการประเมินให้ผู้ถูกประเมินทราบเป็นรายบุคคล

              2) หัวหน้าส่วนราชการประกาศรายชื่อผู้ที่มีผลการประเมินอยู่ในระดับดีและดีเด่นในที่เปิดเผยให้

ทราบโดยทั่วกัน   
              3). ให้ผู้ประเมินเปิดโอกาสให้ผู้ถูกประเมินได้ชี้แจงให้ความเห็นหรือขอคำปรึกษาเกี่ยว

กับการประเมินก่อนมีคำสั่งเลื่อนขั้นเงินเดือน
              4) หัวหน้าส่วนราชการเวียนหรือปิดประกาศคำสั่งเลื่อนขั้นเงินเดือนให้ข้าราชการทุกคนด้ทราบ


          2. การเลื่อนขั้นเงินเดือนข้าราชการครูในครั้งนี้ อยู่ในช่วงระหว่างการใช้หลักเกณฑ์เก่ากับหลัก

เกณฑ์ใหม่ สพป.ชบ.3 ให้โรงเรียนเตรียมให้พร้อมทั้ง 2 แนวทาง คือการดำเนินการตามแนวทางที่ปฏิบัติ

เดิมกับการที่จะปรับเปลี่ยนใช้ระบบใหม่ ดังนั้น การประเมินผลการปฏิบัติงานที่กล่าวข้างต้นว่าเป็นเหตุ

เป็นผลของการเลื่อนขั้นเงินเดือน ตามหนังสือสั่งการของ สพป.ขบ.3 ให้สถานศึกษาประเมินผลการ

ปฏิบัติงานของข้าราชการเป็น 3 ระดับ ย่อมส่งผลกับการเลื่อนขั้นเงินเดือน แต่ถ้าสถานศึกษาใด ประเมิน

ผลการปฏิบัติงานของข้าราชการครูไม่ชัดเจน ขาดอำนาจในการจำแนกผลการปฏิบัติงานของ บุคลากร

 เช่นประเมินผลการปฏิบัติงานอยู่ในกลุ่มเดียวกันหมดจะมีปัญหาทันทีในการเลื่อนขั้นเงินเดือน ในระบบ

ใหม่ ที่เราเรียกเป็นภาษาปากว่าระบบเปอร์เซ็นต์เพราะจะไม่มีโควต้าคุมอีก 


          เปิดมาเป็นประเด็นเพราะอยากให้พวกเราตระหนักและรีบศึกษาหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องให้เข้าใจ มี

บางคนเคยพูดให้ผมฟังว่าถ้าทุกอย่างทำตามหลักเกณฑ์ ต่อไปนี้คงทำงานได้ยาก ผมกลับมองต่างมุม

ครับ ผมคิดว่า ถ้าทำตามหลักเกณฑ์แล้ว เราจะทำงานง่ายขึ้นครับ มีเกราะคอยป้องกันเรา ปัดเป่าปัญหา

ให้ได้ถ้าจะเสียก็คงจะมีเสียอยู่อย่างเดียวเท่านั้นแหละครับที่มัน...ม่ายหล้ายหลั่งจาย อิอิอิ...

วันอังคารที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2554

เมื่อโอกาสมาถึง...

          ช่วงนี้ก็เป็นช่วงที่งานของโรงเรียนกำลังงวด เนื่องจากเป็นช่วงที่เข้าสู่ปลายปีการศึกษา คณะครู นักเรียน ผู้บริหาร และผู้ปกครองนักเรียน มีเรื่องที่ต้องคิดและปฏิบัติแตกต่างกัน นักเรียนก็ต้องขะมักเขม้นในการเตรียมตัวสอบ ตรวจสอบงานที่ส่งคุณครูว่าครบหรือไม่ คุณครูก็ต้องเตรียมในเรื่องการวัดประเมินผลผู้เรียน เอกสารต่างๆที่จะต้องนำเสนอเมื่อถึงปลายปีการศึกษา คุณครูที่เป็นคุณครูอัตราจ้าง หรือพนักงานราชการ ก็เตรียมตัวในการที่จะสอบบรรจุเพื่อเข้ารับราชการในโอกาสอันใกล้นี้ ผู้บริหารสถานศึกษา ก็ต้องติดตามตรวจสอบประเมินผลการดำเนินงานในรอบปีการศึกษาที่ผ่านมาว่าได้ผลเช่นไรเป็นไปตามเป้าหมายหรือไม่ ไหนจะต้องวางแผนในการรับนักเรียนในปีการศึกษาหน้า การจัดทำแผนการดำเนินงาน  เดือนกุมภาพันธ์และเดือนมีนาคม จึงเป็นเดือนที่ค่อนข้างยุ่งเหยิงและวุ่นวาย

          พูดถึงครูที่เป็นพนักงานราชการ และครูอัตราจ้างที่สถานศึกษาได้ใช้เงินรายได้สถานศึกษา ถึงท่านจะยุ่งกับงานมากอย่างไร แต่ก็อย่างลืมนะครับ ทุกครั้งที่เขตได้รับการจัดสรรอัตรากำลัง สพฐ.ได้กำหนดให้สพท.ที่ได้รับจัดสรรอัตรากำลังจะต้องกันไว้ 25% เพื่อคัดเลือกครูที่เป็นพนักงานราชการและครูอัตราจ้างที่สถานศึกษาใช้งบประมาณจากเงินรายได้สถานศึกษา และทำงานมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี เรียกได้ว่า ท่านมีโอกาสมากกว่ากลุ่มอื่นที่ต้องไปสอบแข่งขันกันและมีคู่แข่งมากกว่า เดิมการคัดเลือกพนักงานราชการและครูอัตราจ้างแต่ละเขตก็ต่างดำเนินการกันเอง เรียกว่าสะดวกเมื่อไหร่ก็คัดเลือกเมื่อนั้น แต่ตั้งแต่ปีที่ผ่านมา ทุกเขตจะต้องดำเนินการพร้อมกันทั้งประเทศและทุกคนที่มีคุณสมบัติครบจะไปสมัครเขตใดก็ได้ เพราะฉนั้นโอกาสที่จะมีคู่แข่งมากก็สูงกว่าเดิม อย่างไรก็ดีก็ยังถือว่าคู่แข่งน้อยกว่าที่จะไปสอบแบบเปิดทั้งประเทศ

          คราวนี้หลายคนถามว่าแล้วของ สพป.ชบ.3 ปีนี้เราจะมีการคัดเลือกพนักงานราชการและครูอัตราจ้างที่ทำงานมาไม่น้อยกว่า 3 ปีหรือไม่ ตอบได้เลยครับว่ามีแน่นอน เพราะ สพป.ชบ.3 ได้รับจัดสรรอัตรากำลังมาแล้วส่วนหนึ่งคือในส่วนของ อัตราทดแทนผู้ที่เข้าร่วมโครงการเกษียณก่อนกำหนดที่ผ่านมา แต่ที่ยังไม่แจ้งจัดสรรไปยังโรงเรียนเนื่องจากยังรอรับการจัดสรรอัตรากำลังที่เกษียณในปีงบประมาณ 2552  อีกขุดหนึ่ง แล้วหลังจากนั้นก็คงเป็นไปตามกระบวนการ ผมอยากเห็นพวกเราได้รับการคัดเลือกกันมากๆ เพื่อความมั่นคงในการดำเนินชีวิตของน้องๆ  ดังนั้น ถึงน้องๆจะยุ่งกับงานเพียงใด ก็อย่าลืมดูแลตัวเองดูหนังสือหนังหาเตรียมสอบกันบ้างนะครับ โอกาสดีไม่ได้มีทุกวันครับ เมื่อวันที่โอกาสมาถึง น้องๆพร้อมที่จะรับโอกาสหรือไม่ ลองถามตัวเองดูนะครับ